เรื่องน้ำพระทัยของพระเจ้า มี 3 ประเด็น ตามที่ผู้เผยพระวจนะ แนะนำ
1.เป็นน้ำพระทัยที่สมบูรณ์ การแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้า
2. เป็นน้ำพระทัยที่ไม่สมบูรณ์ (แต่ก็ไม่สมบูรณ์เหมือนชื่อ)
ทุกช่วงของการดำเนินชีวิตมนุษย์เรา จะมีการต่อสู้เสมอ และการต่อสู้ที่หนักที่สุดคือการต่อสู้กับการที่ไม่ได้เลือกตามน้ำพระทัยพระเจ้า (เลือกตามอารมณ์ ความรู้สึกและ ความต้องการหรือเนื้อหนังตนเอง)
พระเจ้าไม่บังคับมนุษย์ (พระเจ้าบอก(ซึ่งสมบูรณ์ในตัว)-มนุษย์เลือก-แล้วรับผลของการเลือก) ถ้าพระเจ้าบังคับมนุษย์ อาดัมและเอวา จะไม่ได้ทำบาป มนุษย์เลือกเอง ว่าจะเลือกเชื่อฟัง(เลือกตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ) หรือไม่ อย่างอิสระ แต่ทุกอย่างที่เลือกจะมีผลของการเลือกตามมาเสมอ ทุกคนไม่ว่าใครก็ตาม
ตัวอย่างง่ายๆ (เพราะว่าคนจำนวนมากเป็นคนบาป เพราะคนคนเดียวที่ไม่เชื่อฟังอย่างไร คนจำนวนมากก็เป็นคนชอบธรรม เพราะพระองค์ผู้เดียวที่ได้ทรงเชื่อฟังอย่างนั้น (โรม 5:19 THSV11))
1.อาดัมและเอวา
1.1 พระเจ้าบอก
(พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงตรัสสั่งมนุษย์นั้นว่า “ผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ตามใจชอบ แต่ผลของต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่วนั้น ห้ามเจ้ากิน เพราะในวันใดที่เจ้ากิน เจ้าจะต้องตายแน่” (ปฐมกาล 2:16, 17 THSV11))
1.2 มนุษย์เลือก
(เมื่อหญิงนั้นเห็นว่าต้นไม้นั้นดีน่ากิน ทั้งเป็นต้นไม้น่าปรารถนาที่ทำให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วส่งให้สามีที่อยู่กับเธอกินด้วย เขาก็กิน (ปฐมกาล 3:6 THSV11))
1.3 รับผลของการเลือก
(ตาของเขาทั้งสองคนก็สว่างขึ้น จึงรู้ว่าพวกเขาเปลือยกายอยู่ ก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดกายไว้ เวลาเย็นวันนั้น เขาทั้งสองได้ยินเสียงพระยาห์เวห์พระเจ้าเสด็จดำเนินอยู่ในสวน ชายนั้นกับภรรยาของเขาก็ซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้กลางสวน ให้พ้นจากพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้า ชายนั้นทูลว่า “ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็กลัว เพราะข้าพระองค์เปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย” ชายนั้นทูลว่า “หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กับข้าพระองค์ เธอส่งผลจากต้นไม้นั้นให้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงรับประทาน” พระองค์ตรัสแก่หญิงนั้นว่า “เราจะเพิ่มความทุกข์ลำบากมากขึ้นแก่เจ้า และเมื่อเจ้ามีครรภ์ เจ้าจะคลอดบุตรด้วยความเจ็บปวด ถึงกระนั้น เจ้าจะยังปรารถนาในสามีของเจ้า และเขาจะปกครองตัวเจ้า” พระองค์จึงตรัสแก่ชายนั้นว่า “เพราะเหตุเจ้าเชื่อฟังคำพูดของภรรยา และกินผลจากต้นไม้ที่เราสั่งไม่ให้กินผลจากต้นนั้น แผ่นดินจึงต้องถูกสาปเพราะเจ้า เจ้าจะต้องหากินบนแผ่นดินด้วยความทุกข์ลำบากตลอดชีวิต ต้นไม้และพืชที่มีหนามจะงอกขึ้นบนดินแก่เจ้า และเจ้าจะกินพืชตามท้องทุ่ง เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า จนเจ้ากลับไปเป็นดิน เพราะเจ้าถูกนำมาจากดิน และเพราะเจ้าเป็นผงคลีดิน และเจ้าจะกลับเป็นผงคลีดินดังเดิม” พระองค์ทรงขับไล่ชายนั้นออกไป และทรงตั้งเหล่าเครูบ ทางด้านทิศตะวันออกของสวนเอเดน และตั้งดาบเพลิงอันหนึ่งที่หมุนได้ไว้เฝ้าทางที่จะไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิตนั้น (ปฐมกาล 3:7, 8, 10, 12, 16-19, 24 THSV11))
2.พระเยซูคริสต์
2.1 พระเจ้าบอก?
เพื่อทุกคนจะได้ถวายพระเกียรติแด่พระบุตรเหมือนที่พวกเขาถวายเกียรติแด่พระบิดา คนไหนไม่ถวายพระเกียรติแด่พระบุตร คนนั้นก็ไม่ถวายพระเกียรติแด่พระบิดาผู้ทรงใช้พระบุตรมา (ยอห์น 5:23 THSV11)
พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ (ยอห์น 3:16 THSV11)
เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า (โรม 3:23 THSV11)
2.2 พระเยซูเลือก
(ผู้ทรงสภาพเป็นพระเจ้า ไม่ทรงถือว่าความทัดเทียมกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่จะต้องยึดไว้ แต่ทรงสละพระองค์เองและทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และทรงปรากฏอยู่ในสภาพมนุษย์ พระองค์ทรงถ่อมพระองค์ลง ทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งมรณาบนกางเขน (ฟีลิปปี 2:6-8 THSV11))
2.3 รับผลของการเลือก
(ซึ่งทรงกระทำในพระคริสต์เมื่อทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตาย และให้ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ในสวรรคสถาน สูงส่งยิ่งเหนือเทพผู้ครองและเทพผู้ทรงอำนาจ เทพผู้ทรงเดชานุภาพ และเทพผู้ครองอาณาจักรทั้งสิ้น และเหนือทุกนามที่เขาเอ่ยขึ้น ไม่เพียงในยุคนี้เท่านั้นแต่ในยุคหน้าด้วย และพระเจ้าทรงให้สิ่งสารพัดอยู่ใต้พระบาทพระคริสต์ และทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นประมุขเหนือทุกสิ่งเพื่อคริสตจักร (เอเฟซัส 1:20-22 TNCV))
(เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงยกพระองค์ขึ้นสูงสุด และประทานพระนามเหนือนามทั้งหมดแก่พระองค์ เพื่อที่ว่าเพราะพระนามของพระเยซูนั้น ทุกชีวิต ในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก และใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกเข่าลงกราบพระองค์ และเพื่อที่ว่าทุกลิ้นจะยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา (ฟีลิปปี 2:9-11 THSV11))
เพราะว่าคราวเมื่อพระองค์ทรงได้รับพระเกียรติและพระสิริจากพระเจ้าพระบิดา และพระสุรเสียงจากพระสิริอันยิ่งใหญ่ได้มาถึงพระองค์ว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรของเราและเป็นที่รักของเรา เราพอใจท่านผู้นี้มาก” (2 เปโตร 1:17 THSV11)
เพราะว่าพระบิดาไม่ทรงพิพากษาใคร แต่ทรงมอบการพิพากษาทั้งสิ้นไว้กับพระบุตร และทรงให้พระบุตรมีสิทธิอำนาจที่จะทำการพิพากษาเพราะพระองค์ทรงเป็นบุตรมนุษย์ (ยอห์น 5:22, 27 THSV11)
แต่ถึงแม้เราจะพิพากษา การพิพากษาของเราก็ถูกต้อง เพราะเราไม่ได้พิพากษาโดยลำพัง แต่เราพิพากษาร่วมกับพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา (ยอห์น 8:16 THSV11)
มีข้อโต้แย้งอีกหลายประเด็นใช่ไหม? ครับ ว่าเป็นมนุษย์นี่นา เอาล่ะ! ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าเราเป็นมนุษย์ที่ต้อนรับพระเยซูแล้ว และได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า คงให้พระเยซูเป็นต้นแบบได้ ทั้งหมดนี้พระเจ้าก็ให้เราเลือกเองอยู่ดี เชิญตามสบายครับ ตามหัวใจปรารถนา ว่า"ต้องการจะรับผลเช่นไร"
อีกประเด็น สำหรับการเชื่อฟัง (เลือกทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า )
(ปฐมกาล 22:17, 18 THSV11) ดังนั้นเราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้ประตูเมืองศัตรูทั้งหลายของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ ประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า เพราะว่าเจ้าเชื่อฟังเรา”
( เฉลยธรรมบัญญัติ 28:1-14 THSV11) “ถ้าท่านตั้งใจเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และระวังที่จะทำตามพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงตั้งท่านไว้ให้สูงกว่าบรรดาประชาชาติทั่วโลก พระพรเหล่านี้ทั้งสิ้นจะลงมาเหนือท่านและตามทันท่าน ถ้าท่านฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านจะรับพระพรในเมือง ท่านจะรับพระพรในทุ่งนา พงศ์พันธุ์ของตัวท่านเอง ผลแห่งพื้นดินของท่านและพันธุ์แห่งสัตว์ของท่านจะรับพระพร คือลูกอ่อนของฝูงโคของท่าน ลูกอ่อนของฝูงแพะแกะของท่าน กระจาดของท่านและรางนวดแป้งของท่านจะรับพระพร ท่านจะรับพระพรเมื่อท่านเข้ามา และท่านจะรับพระพรเมื่อท่านออกไป “พระยาห์เวห์จะทรงทำให้ศัตรูผู้ลุกขึ้นต่อสู้ท่านพ่ายแพ้แก่ท่าน เขาจะออกมาต่อสู้ท่านทางเดียว และหนีจากท่านเจ็ดทาง พระยาห์เวห์จะทรงบัญชาพระพรให้แก่ฉางของท่าน และทุกสิ่งที่มือท่านทำ และพระองค์จะทรงอวยพรท่านในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน พระยาห์เวห์จะทรงตั้งท่านให้เป็นชนชาติบริสุทธิ์แด่พระองค์ ดังที่พระองค์ทรงปฏิญาณแก่ท่านแล้ว ถ้าท่านรักษาพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และดำเนินในพระมรรคาของพระองค์ และชนชาติทั้งหลายในโลกจะเห็นว่าเขาเรียกท่านตามพระนามพระยาห์เวห์ และเขาทั้งหลายจะเกรงกลัวท่าน พระยาห์เวห์จะทรงทำให้ท่านอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพงศ์พันธุ์ของตัวท่านเอง พันธุ์ของฝูงสัตว์ของท่านและผลแห่งพื้นดินของท่าน ในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของท่านว่าจะประทานแก่ท่าน พระยาห์เวห์จะทรงเปิดคลังฟ้าสวรรค์อันดีของพระองค์ประทานฝนแก่แผ่นดินของท่านตามฤดูกาล และทรงอวยพรแก่งานแห่งมือของท่าน และท่านจะให้หลายประชาชาติขอยืม แต่ท่านจะไม่ขอยืม ถ้าท่านเชื่อฟังพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ และระวังที่จะทำตาม พระยาห์เวห์จะทรงทำให้ท่านเป็นหัวไม่ใช่เป็นหาง ทำให้สูงขึ้นเท่านั้นไม่ใช่ให้ต่ำลง และถ้าท่านไม่หันเหไปทางขวาหรือทางซ้าย จากบรรดาถ้อยคำซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้
ด้วยความรักจากพระคริสต์เราอยากให้ท่านได้รับพระพร และ ไม่ต้องการให้ท่านได้รับ ผลสนองของการไม่เชือฟังก็มีแน่นอนครับ
เฉลยธรรมบัญญัติ 28:15-35, 37-45 THSV11 “แต่ถ้าท่านไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และไม่ระวังที่จะทำตามพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์ และกฎเกณฑ์ของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ แล้วคำสาปแช่งทั้งหมดเหล่านี้จะลงมาเหนือท่านและตามทันท่าน ท่านจะถูกสาปแช่งในเมือง ท่านจะถูกสาปแช่งในทุ่งนา กระจาดของท่านและรางนวดแป้งของท่านจะถูกสาปแช่ง พงศ์พันธุ์ของตัวท่านเองจะถูกสาปแช่ง รวมทั้งผลแห่งพื้นดินของท่าน ลูกอ่อนของฝูงโคของท่าน ลูกอ่อนของฝูงแพะแกะของท่านจะถูกสาปแช่ง ท่านจะถูกสาปแช่งเมื่อท่านเข้ามา และท่านจะถูกสาปแช่งเมื่อท่านออกไป “พระยาห์เวห์จะทรงส่งคำสาปแช่ง ความวุ่นวาย และการตำหนิมายังกิจการทั้งสิ้นที่มือท่านทำ จนท่านจะถูกทำลายและพินาศอย่างรวดเร็วเนื่องด้วยความชั่วซึ่งท่านได้ทำ เพราะท่านได้ทอดทิ้งพระองค์ เสีย พระยาห์เวห์จะทรงบันดาลให้โรคร้ายติดพันท่าน จนพระองค์จะทรงเผาผลาญท่านให้สิ้นเสียจากแผ่นดินซึ่งท่านเข้ายึดครองนั้น พระยาห์เวห์จะทรงเฆี่ยนตีท่านด้วยความซูบผอม และด้วยการป่วยไข้ การอักเสบ ความร้อนอย่างรุนแรง ด้วยดาบ ด้วยแผลพุพอง ด้วยเชื้อรา และสิ่งเหล่านี้จะติดตามท่านไปจนท่านพินาศ และฟ้าสวรรค์ที่อยู่เหนือศีรษะของท่านจะเป็นทองเหลือง และแผ่นดินที่อยู่ใต้ท่านจะเป็นเหล็ก พระยาห์เวห์จะทรงบันดาลให้ฝนในแผ่นดินของท่านเป็นฝุ่นและละอองลงมาจากท้องฟ้า อยู่เหนือท่านจนกว่าท่านจะถูกทำลาย “พระยาห์เวห์จะทรงทำให้ท่านพ่ายแพ้ต่อศัตรูของท่าน ท่านจะออกไปต่อสู้พวกเขาทางเดียว แต่จะหนีจากเขาเจ็ดทาง และท่านจะเป็นที่น่าสยดสยองยิ่งแก่ราชอาณาจักรทั้งสิ้นทั่วโลก ซากศพของท่านจะเป็นอาหารของบรรดานกในอากาศและของสัตว์ป่าในโลก และไม่มีผู้ใดขับไล่ฝูงสัตว์เหล่านั้นไปได้ พระยาห์เวห์จะทรงเฆี่ยนตีท่านด้วยฝีอียิปต์ ด้วยแผลร้าย ด้วยโรคกลาก และด้วยโรคคัน ซึ่งจะรักษาไม่ได้ พระยาห์เวห์จะทรงเฆี่ยนตีท่านด้วยความวิกลจริต ตาบอด และให้จิตใจยุ่งเหยิง ท่านจะคลำไปในเวลาเที่ยงเหมือนคนตาบอดคลำไปในความมืด และท่านจะไม่มีความเจริญในทางของท่าน ท่านจะถูกบีบคั้นและถูกปล้นอยู่เสมอ และจะไม่มีใครช่วยท่านเลย ท่านจะหมั้นหญิงคนหนึ่งไว้เป็นภรรยา และชายอื่นจะเข้าไปนอนกับนาง ท่านจะสร้างบ้าน แต่จะไม่ได้อาศัยอยู่ในนั้น ท่านจะปลูกสวนองุ่น แต่ท่านจะไม่ได้เก็บผล คนจะฆ่าโคของท่านต่อหน้าต่อตาท่าน ท่านจะไม่ได้รับประทานเนื้อโคนั้น เขาจะมาแย่งชิงลาไปต่อหน้าต่อตาท่าน และเขาจะไม่เอากลับคืนมาให้ท่าน ฝูงแพะแกะของท่านจะถูกเอาไปให้ศัตรูของท่าน และจะไม่มีใครช่วยท่านเลย เขาจะเอาบุตรชายและบุตรสาวของท่านไปให้แก่ชนชาติอื่น ตาของท่านจะมองดูและหม่นหมองด้วยความอาลัยอาวรณ์ตลอดเวลา ส่วนมือของท่านก็ไร้เรี่ยวแรง ชนชาติที่ท่านไม่เคยรู้จักมาก่อนจะมารับประทานพืชผลแห่งพื้นดินของท่าน และกินผลงานของท่าน เขาจะบีบคั้นและเหยียบย่ำท่านเสมอไป ดังนั้นภาพที่ท่านเห็นจึงจะทำให้ท่านบ้าคลั่งไป พระยาห์เวห์จะทรงเฆี่ยนตีท่านด้วยฝีร้ายที่หัวเข่าและที่ขา ซึ่งท่านจะรักษาให้หายไม่ได้ เป็นตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงกระหม่อมของท่าน ท่านจะเป็นที่น่ากลัว เป็นภาษิต เป็นที่โจษจันกันท่ามกลางชนชาติทั้งหลายที่พระยาห์เวห์ทรงพาท่านไปนั้น ท่านจะหว่านเมล็ดพืชมากมายไว้ในนาและเก็บผลเข้ามาแต่น้อย เพราะตั๊กแตนปาทังก้า จะกัดกินเสีย ท่านจะปลูกและแต่งต้นองุ่น แต่ท่านจะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นหรือเก็บผลเข้ามา เพราะตัวหนอนจะกินมันเสีย ท่านจะมีต้นมะกอกอยู่ทั่วอาณาเขตของท่าน แต่ท่านจะไม่ได้น้ำมันมาชโลมตัวท่าน เพราะว่าผลมะกอกของท่านจะร่วงหล่นเสีย ท่านจะมีบุตรชายและบุตรสาว แต่จะไม่เป็นของท่าน เพราะเขาจะตกไปเป็นเชลย ต้นไม้ทั้งหลายของท่านและผลจากพื้นดินของท่านนั้นตั๊กแตนจะกัดกินเสีย คนต่างด้าวซึ่งอยู่ท่ามกลางท่านจะสูงขึ้นเหนือท่านทุกทีๆ และท่านจะต่ำลงทุกทีๆ เขาจะให้ท่านทั้งหลายยืม และท่านจะไม่มีให้เขายืม เขาจะเป็นหัว และท่านจะเป็นหาง คำสาปแช่งทั้งหมดนี้จะลงมาเหนือท่านไล่ตามท่าน และจะตามทันท่าน จนกว่าท่านจะถูกทำลาย เพราะว่าท่านไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ที่จะรักษาพระบัญญัติและกฎเกณฑ์ของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาท่านไว้"
(กาลาเทีย 5:1 THSV11) เพื่อเสรีภาพนั้นเองพระคริสต์จึงได้ทรงให้เราเป็นไท เพราะฉะนั้น จงตั้งมั่น และอย่าเข้าเทียมแอกของการเป็นทาสอีกเลย
(โคโลสี 2:14, 15 TH1971) พระองค์ทรงฉีกกรมธรรม์ซึ่งได้ผูกมัดเราด้วยบัญญัติต่างๆ ซึ่งขัดขวางเรา และได้ทรงหยิบเอาไปเสียให้พ้นโดยทรงตรึงไว้ที่กางเขน พระองค์ทรงปลดเทพผู้ครองและศักดิเทพเสีย พระองค์ได้ทรงประจานเขา และชนะเขาโดยกางเขนนั้น
(ยอห์น 5:24 THSV11) เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าใครฟังคำของเราและวางใจผู้ทรงใช้เรามา คนนั้นก็มีชีวิตนิรันดร์และไม่ถูกพิพากษา แต่ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว
(เยเรมีย์ 29:11 THSV11) พระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับพวกเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทำร้ายเจ้า เพื่อจะให้อนาคตและความหวังแก่เจ้า
(ยอห์น 14:6 THSV11) พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา
(สดุดี 55:22 THSV11) จงมอบภาระของท่านไว้กับพระยาห์เวห์ และพระองค์จะทรงค้ำจุนท่าน พระองค์จะไม่ทรงยอมให้ คนชอบธรรมคลอนแคลนเลย
(กาลาเทีย 6:9 THSV11) อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร
(ยอห์น 3:16, 18 THSV11) พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
คนที่วางใจในพระบุตรจะไม่ถูกพิพากษา ส่วนคนที่ไม่ได้วางใจก็ถูกพิพากษาอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้วางใจในพระนามพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า
(ยอห์น 10:10 THSV11) ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลัก ฆ่า และทำลาย เรามาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์
ปฐมกาล 2:18 THSV11 พระยาห์เวห์พระเจ้าตรัสว่า “การที่ชายผู้นี้จะอยู่แต่ลำพังนั้นไม่ดี เราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ ที่เหมาะสมกับเขาขึ้น”
ปฐมกาล 2:21 THSV11 แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าจึงทรงทำให้ชายนั้นหลับสนิท ขณะที่เขาหลับอยู่ พระองค์ทรงชักกระดูกซี่โครงซี่หนึ่งของเขาออกมา แล้วทำให้เนื้อติดกันเข้าแทนกระดูก
ปฐมกาล 2:22 THSV11 ส่วนกระดูกซี่โครงที่พระยาห์เวห์พระเจ้าได้ทรงชักออกจากชายนั้น พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิง แล้วทรงนำมาให้ชายนั้น
ปฐมกาล 2:23 THSV11 ชายนั้นจึงว่า “นี่แหละ กระดูกจากกระดูกของเรา เนื้อจากเนื้อของเรา จะเรียกคนนี้ว่าหญิง เพราะคนนี้ออกมาจากชาย”
ปฐมกาล 2:24 THSV11 เพราะเหตุนั้นผู้ชายจะละจากบิดามารดาของเขาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน
มัทธิว 19:4 THSV11 พระองค์ตรัสตอบว่า “ท่านทั้งหลายไม่ได้อ่านหรือว่า พระผู้ทรงสร้างมนุษย์แต่เดิมนั้น ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง