ทำไมต้องนมัสการและสรรเสริญพระเจ้า? โดย Evangelist IMO MARTIN in Thailand
ทำไมต้องนมัสการพระเจ้า
บุคคลในพระคำภีร์ นมัสการสรรเสริญพระเจ้า
(ปฐมกาล 4:3-5 THSV11) อยู่มาวันหนึ่งคาอินนำพื ชผลจากผืนดินมาเป็นของ ถวายแด่พระยาห์เวห์ ส่วนอาเบลก็นำแกะหัวปี จากฝูงและไขมันของแกะมา ถวาย พระยาห์เวห์พอพระทัยอา เบลและของถวายของเขา แต่คาอินกับของถวายของ เขานั้น พระองค์ไม่พอพระทัย คาอินก็โกรธยิ่งนัก ก้มหน้าลง
(ปฐมกาล 4:26 TH1971) ฝ่ายเสทก็มีบุตร ชื่อ เอโนช คราวนั้นมนุษย์เริ่มต้นนมั สการโดยออกพระนามพระเย โฮวาห์
(ปฐมกาล 8:20 THSV11) โนอาห์สร้างแท่นบูชาแด่ พระยาห์เวห์และเลือกเอาสั ตว์ใช้งานที่สะอาด และนกที่สะอาดมาเผาบูชา ถวายที่แท่นนั้น
(ปฐมกาล 12:8 THSV11) ท่านย้ายไปจากที่นั่น มาถึงภูเขาทางทิศตะวัน ออกของเบธเอล จึงตั้งเต็นท์อยู่ที่นั่น โดยเบธเอลอยู่ทางทิศตะวั นตกและอัยอยู่ทางทิศตะ วันออก และสร้างแท่นบูชาพระยาห์ เวห์ที่นั่น และนมัสการออกพระนามพระ ยาห์เวห์
(ปฐมกาล 22:9 THSV11) เมื่อเขาทั้งสองมาถึงที่ ซึ่งพระเจ้าตรัสบอกเขาไว้ อับราฮัมก็สร้างแท่นบูชา ที่นั่น เรียงฟืนเป็นระเบียบ แล้วมัดอิสอัคบุตรชายวาง ไว้บนแท่นบูชาบนฟืน
(ปฐมกาล 26:25 THSV11) ท่านจึงสร้างแท่นบูชาที่ นั่น และนมัสการออกพระนามพระ ยาห์เวห์ และตั้งเต็นท์ของท่านที่ นั่น คนใช้ของอิสอัคขุดบ่อน้ ำบ่อหนึ่งที่นั่นด้วย
(ปฐมกาล 33:20 THSV11) ยาโคบสร้างแท่นบูชาที่นั่ น เรียกแท่นนั้นว่า เอลเอโลเฮอิสราเอล
(ปฐมกาล 35:7 THSV11) ที่นั่นยาโคบสร้างแท่นบู ชาไว้ และเรียกสถานที่นั้นว่า เอลเบธเอล เพราะว่าที่นั่น พระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ แก่ยาโคบเมื่อท่านหนีพี่ ชายไป
(อพยพ 17:15 THSV11) โมเสสจึงสร้างแท่นบูชาเรี ยกชื่อว่ายาห์เวห์นิสสี
(โยชูวา 8:30 THSV11) แล้วโยชูวาได้สร้างแท่น บูชาที่ภูเขาเอบาลถวายแด่ พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิ สราเอล
(ผู้วินิจฉัย 6:24 THSV11) กิเดโอนก็สร้างแท่นบูชา แท่นหนึ่งถวายพระยาห์เวห์ ที่นั่น และเรียกที่นั้นว่า ยาห์เวห์ชาโลม ทุกวันนี้แท่นนั้นก็ยัง อยู่ที่เมืองโอฟราห์ ซึ่งเป็นของตระกูลอาบี เยเซอร์
เพราะ ดาวิดเป็นนักนมัสการรสรรเสริญ
(1 ซามูเอล 7:17 THSV11) แล้วท่านกลับมาที่เมือง รามาห์ เพราะว่าบ้านของท่านอยู่ ที่นั่น ท่านวินิจฉัยอิสราเอลที่ นั่นด้วย ท่านสร้างแท่นบูชาถวายแด่ พระยาห์เวห์ที่นั่น
(1 ซามูเอล 13:14 THSV11) แต่บัดนี้ราชอาณาจักรของ ท่านจะไม่ยั่งยืน พระยาห์เวห์ทรงหาชายอีก คนหนึ่งตามชอบพระทัยพระ องค์แล้ว และพระยาห์เวห์ทรงแต่งตั้ งชายผู้นั้นให้เป็นเจ้า นายเหนือชนชาติของพระองค์ เพราะท่านไม่ได้รักษาสิ่ง ซึ่งพระเจ้าทรงบัญชาท่าน ไว้”
(1 ซามูเอล 16:18 THSV11) คนหนึ่งในพวกชายหนุ่มทูล ว่า “ดูเถิด ข้าพระบาทเห็นบุตรคนหนึ่ งของเจสซีชาวเบธเลเฮม เป็นผู้มีฝีมือในการดีด พิณ เป็นคนกล้าหาญ เป็นนักรบ พูดเก่ง และเป็นคนมีหน้าตาดี และพระยาห์เวห์สถิตกับ เขา”
(1 ซามูเอล 16:23 THSV11) ต่อมาเมื่อวิญญาณจากพระ เจ้ามาเหนือซาอูลเมื่อไร ดาวิดก็หยิบพิณใช้มือดีด ถวาย ซาอูลก็ทรงรู้สึกบรรเทา ลงและทรงดีขึ้น และวิญญาณชั่วก็ละจาก พระองค์ไป
(1 ซามูเอล 17:34-37 THSV11) แต่ดาวิดทูลซาอูลว่า “ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท เคยเลี้ยงฝูงแกะของบิดา และเมื่อมีสิงโตหรือหมี มาเอาลูกแกะตัวหนึ่งไป จากฝูง ข้าพระบาทก็ตามไปฆ่ามัน และช่วยกู้ลูกแกะนั้นมา จากปากของมัน ถ้ามันลุกขึ้นต่อสู้ข้า พระบาท ข้าพระบาทก็จับคางของมัน และทุบตีมันจนตาย ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาท ได้ฆ่าสิงโตและหมีนั้นมา แล้ว คนฟีลิสเตียผู้ไม่ได้เข้ าสุหนัตนี้ก็เป็นเหมือนสั ตว์เหล่านั้นตัวหนึ่ง ด้วยเขาได้ท้าทายกองทัพ ของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ อยู่” และดาวิดทูลต่อไปว่า “พระยาห์เวห์ผู้ทรงช่วยกู ้ข้าพระบาทจากอุ้งเท้า ของสิงโต และจากอุ้งเท้าของหมี จะทรงช่วยกู้ข้าพระบาท จากมือของคนฟีลิสเตียนี้ ” และซาอูลจึงตรัสแก่ดาวิด ว่า “จงไปเถอะ และพระยาห์เวห์จะสถิตอยู่ กับเจ้า”
(1 ซามูเอล 17:44-47 THSV11) คนฟีลิสเตียพูดกับดาวิด ว่า “มาหาข้า ข้าจะเอาเนื้อของเจ้าให้ นกในอากาศกับสัตว์ป่ากิน” แล้วดาวิดก็พูดกับคนฟีลิ สเตียคนนั้นว่า “ท่านมาหาข้าด้วยดาบ ด้วยหอกและด้วยหอกซัด แต่ข้ามาหาท่านในพระนาม แห่งพระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งกองทัพอิสรา เอล ผู้ซึ่งท่านได้ท้าทาย ในวันนี้พระยาห์เวห์จะ ทรงมอบท่านไว้ในมือข้า และข้าจะฆ่าท่านและตัดศี รษะของท่าน ในวันนี้ข้าจะให้ศพของ กองทัพฟีลิสเตียแก่นกใน อากาศและแก่สัตว์ป่า เพื่อทั้งโลกนี้จะทราบว่ ามีพระเจ้าองค์หนึ่งในอิ สราเอล และชุมนุมชนนี้ทั้งสิ้น จะทราบว่า พระยาห์เวห์ไม่ได้ทรงช่ วยด้วยดาบหรือด้วยหอก เพราะว่าการรบครั้งนี้เป็ นของพระยาห์เวห์ พระองค์จะทรงมอบพวกท่าน ไว้ในมือของพวกเรา”
(1 ซามูเอล 18:14 THSV11) ดาวิดประสบความสำเร็จในทุ กทาง เพราะพระยาห์เวห์สถิตกับ เขา
(2 ซามูเอล 6:3-5 THSV11) และพวกเขาก็เอาเกวียนใหม่ บรรทุกหีบของพระเจ้า และนำออกมาจากบ้านของอา บีนาดับซึ่งอยู่บนเนิน เขา และอุสซาห์กับอาหิโยพวก บุตรของอาบีนาดับก็ขับ เกวียนใหม่เล่มนั้น และบรรทุกหีบของพระเจ้า นำจากบ้านของอาบีนาดับ ซึ่งอยู่บนเนินเขา และอาหิโยเดินหน้าหีบ ดาวิดกับพงศ์พันธุ์ทั้งสิ้ นของอิสราเอลก็ร่าเริงกั นเต็มที่อยู่เฉพาะพระพั กตร์พระยาห์เวห์ด้วยเครื่ องดนตรี และด้วยพิณเขาคู่และพิณ ใหญ่ รำมะนา กรับ และฉาบ
(2 ซามูเอล 6:12-15 THSV11) มีคนไปกราบทูลกษัตริย์ ดาวิดว่า “พระยาห์เวห์ทรงอวยพร ครอบครัวของโอเบดเอโดม และทุกสิ่งที่เป็นของเขา เนื่องด้วยหีบของพระเจ้า” ดังนั้นดาวิดจึงเสด็จขึ้น ไปนำหีบของพระเจ้า จากบ้านของโอเบดเอโดมถึ งนครดาวิดด้วยความชื่นชม ยินดี และเมื่อผู้หามหีบของพระ ยาห์เวห์เดินไปได้หกก้าว ดาวิดก็ทรงถวายโคตัวหนึ่ งกับลูกโคอ้วนตัวหนึ่ง และดาวิดก็ทรงเต้นรำ เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ด้วยสุดกำลังของพระองค์ และดาวิดทรงสวมเอโฟดผ้า ป่านอยู่ ดังนั้นดาวิดและพงศ์พันธุ์ ทั้งสิ้นของอิสราเอล นำหีบของพระยาห์เวห์ขึ้น มา ด้วยเสียงโห่ร้องและด้วย เสียงเป่าเขาสัตว์
(2 ซามูเอล 6:20-23 THSV11) และดาวิดก็ทรงกลับไปอวย พรแก่ราชวงศ์ของพระองค์ แต่มีคาลราชธิดาของซาอู ลออกมาพบดาวิดและทูลว่า “วันนี้พระราชาแห่งอิสรา เอลได้เกียรติยศนักหนาที เดียว นะเพคะ ทรงถอดฉลองพระองค์วันนี้ ต่อหน้าพวกสาวใช้ของเหล่ าข้าราชการของฝ่าพระบาท อย่างกับไพร่คนหนึ่งแก้ผ้ าไร้ยางอาย” และดาวิดตรัสตอบมีคาลว่า “เป็นสิ่งที่ทำเฉพาะพระพั กตร์พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเลือกเราไว้แทนเสด็ จพ่อของเจ้า และแทนราชวงศ์ทั้งสิ้น ของพระองค์ เพื่อทรงแต่งตั้งให้เรา เป็นผู้นำเหนือประชากร ของพระยาห์เวห์ เหนืออิสราเอล เราจึงเริงโลดเฉพาะพระพั กตร์พระยาห์เวห์ เราจะยอมถูกดูหมิ่นยิ่ง กว่านี้ และเราจะเป็นคนต่ำต้อย ในสายตาเรา แต่พวกสาวใช้ที่เจ้าพูด ถึงนั้น สำหรับพวกเขา เราจะเป็นผู้ที่ได้รับ เกียรติ” และมีคาลราชธิดาของซาอู ลก็ไม่มีบุตรจนถึงวันสิ ้นชีพ
(2 ซามูเอล 24:25 THSV11) ดาวิดก็ทรงสร้างแท่นบูชา ถวายแด่พระยาห์เวห์ที่นั่ น และทรงถวายเครื่องบูชาเผา ทั้งตัวกับเครื่องศานติบู ชา พระยาห์เวห์ทรงสดับคำอธิ ษฐานเพื่อแผ่นดินนั้น และโรคร้ายก็ถูกระงับเสี ยจากอิสราเอล
(กิจการ 13:22 THSV11) เมื่อทรงถอดซาอูลแล้ว พระองค์ทรงตั้งดาวิดขึ้น เป็นกษัตริย์ของพวกเขา และทรงเป็นพยานกล่าวถึง ดาวิดดังนี้ ‘เราพบว่าดาวิดบุตรของ เจสซีเป็นคนที่ใจเราชื่ นชอบ เป็นคนที่จะทำให้ความ ประสงค์ของเราสำเร็จทุก ประการ’
กษัตริย์เนบู คัดเนสซาร์ แห่งบาบิ โลน นมัสการสรรเสริญถวายพระเกียรติ แด่พระเจ้า จิตใจก็กลับคื นเป็นปกติ
(ดาเนียล 4:28-33 THSV11) สิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นได้ เกิดขึ้นแก่กษัตริย์เนบู คัดเนสซาร์ ต่อมาอีกสิบสองเดือน พระองค์ทรงดำเนินอยู่บน ดาดฟ้าพระราชวังที่บาบิ โลน แล้วกษัตริย์ตรัสว่า “นี่เป็นมหาบาบิโลน ซึ่งเราได้สร้างไว้ด้วย อำนาจใหญ่ยิ่งของเรา ให้เป็นพระราชฐานและเพื่ อเป็นศักดิ์ศรีอันสูงส่ง ของเรามิใช่หรือ?” เมื่อกษัตริย์ตรัสยังไม่ทั นจบ ก็มีเสียงมาจากฟ้าสวรรค์ ว่า “โอ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ เราประกาศแก่เจ้าว่า ราชอาณาจักรได้พรากไปจาก เจ้าแล้ว และเจ้าจะถูกขับไล่ไป จากท่ามกลางมนุษย์ เจ้าจะอยู่กับสัตว์ในท้ องทุ่ง จะต้องกินหญ้าอย่างกับโค จะเป็นอยู่อย่างนั้นจน ครบเจ็ดวาระ จนกว่าเจ้าจะเรียนรู้ได้ ว่า พระผู้สูงสุดทรงปกครอง บรรดาราชอาณาจักรของมนุ ษย์ และประทานราชอาณาจักรเหล่ านั้นแก่ผู้ที่พระองค์ พอพระทัย” ในทันใดนั้นเอง พระดำรัสเกี่ยวกับเนบูคั ดเนสซาร์ก็สำเร็จ พระองค์ทรงถูกขับไล่ไป จากท่ามกลางมนุษย์ และเสวยหญ้าอย่างกับโค และพระกายก็เปียกน้ำค้าง จากฟ้าสวรรค์ จนขนงอกยาวอย่างกับขนนก อินทรี และเล็บก็เหมือนเล็บนก
(ดาเนียล 4:34-37 THSV11) เมื่อสิ้นสุดวาระนั้นแล้ว ตัวเราเนบูคัดเนสซาร์ก็ แหงนหน้าดูฟ้าสวรรค์ และจิตใจของเราก็กลับคื นเป็นปกติ และเราก็ร้องสาธุการแด่ พระผู้สูงสุดนั้น และสรรเสริญถวายพระเกียรติ แด่พระองค์ผู้ดำรงอยู่ เป็นนิตย์ เพราะการปกครองของพระองค์ เป็นการปกครองนิรันดร์ และราชอาณาจักรของพระองค์ ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุ สำหรับพระองค์ ชาวพิภพทั้งสิ้นนับว่าไร้ ค่า พระองค์ทรงทำตามชอบพระทั ยท่ามกลางกองทัพแห่ง สวรรค์ และท่ามกลางชาวพิภพด้วย ไม่มีผู้ใดยับยั้งพระหั ตถ์ของพระองค์ได้ หรือทูลถามพระองค์ได้ว่า “ทำไมจึงทรงทำเช่นนี้?” ในเวลานั้นเองจิตใจของ เราก็กลับคืนเป็นปกติ ความสูงส่งและสง่าราศีกลั บมาสู่เราอีก เพื่อศักดิ์ศรีแห่งราช อาณาจักรของเรา พระสหายและข้าราชบริพาร ของเรากลับมาหาเรา และเราก็รับการสถาปนาไว้ ในราชอาณาจักรของเรา ความยิ่งใหญ่กลับเพิ่มพูน แก่เราขึ้นอีก บัดนี้ตัวเราคือเนบูคัด เนสซาร์ ขอสรรเสริญ ยกย่องและถวายพระเกียรติ แด่พระมหาราชาแห่งสวรรค์ เพราะว่าพระราชกิจของพระ องค์ถูกต้อง และพระมรรคาของพระองค์ก็ เที่ยงธรรม บรรดาผู้ดำเนินอยู่ใน ความเย่อหยิ่ง พระองค์ก็ทรงสามารถให้ต่ ำลง
เยโฮชาฟัท นมัสการพระเจ้า จึงมีชัยชนะศัตรู ทั้ง 3 ชนชาติ ได้
(2 พงศาวดาร 20:1-30 THSV11) ต่อมาภายหลัง คนโมอับและคนอัมโมนพร้ อมกับคนเมอูนี บางส่วนมาทำสงครามกับ เยโฮชาฟัท มีคนมาทูลเยโฮชาฟัทว่า “มีคนมากมายจากเอโดม และจากฟากข้างนั้นของทะเล ยกมาสู้รบกับฝ่าพระบาท ดูสิ พวกเขาอยู่ในฮาซาโซนทา มาร์” (คือ เอนกาดี) และเยโฮชาฟัทก็กลัว และทรงมุ่งแสวงหาพระยาห์ เวห์ ทั้งทรงประกาศให้อดอาหาร ทั่วยูดาห์ แล้วยูดาห์ชุมนุมกันและ แสวงหาความช่วยเหลือจาก พระยาห์เวห์ เขาทั้งหลายมาจากทุกเมื องของยูดาห์ เพื่อแสวงหาพระยาห์เวห์ และเยโฮชาฟัททรงยืนอยู่ ในที่ประชุมของยูดาห์ และเยรูซาเล็ม ตรงข้างหน้าลานใหม่ในพระ นิเวศของพระยาห์เวห์ และทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้ าของบรรพบุรุษของพวกข้า พระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่ งฟ้าสวรรค์ไม่ใช่หรือ? พระองค์ทรงครอบครองเหนือ บรรดาราชอาณาจักรของประ ชาชาติไม่ใช่หรือ? พระองค์ทรงมีฤทธิ์เดชและ พลานุภาพในพระหัตถ์ของ พระองค์ จึงไม่มีใครอาจต่อต้าน พระองค์ได้ ข้าแต่พระเจ้าของพวกข้า พระองค์ พระองค์ทรงขับไล่ชาวแผ่น ดินนี้ออกไปพ้นหน้าอิสรา เอลประชากรของพระองค์ และประทานแผ่นดินแก่เชื้ อสายของอับราฮัมสหายของ พระองค์เป็นนิตย์ ไม่ใช่หรือ? และเขาทั้งหลายอาศัยอยู่ ในนั้น ทั้งสร้างสถานนมัสการในที ่นั้นถวายพระองค์ เพื่อพระนามของพระองค์แล้ วทูลว่า ‘ถ้ามีเหตุร้ายมาเหนือ พวกข้าพระองค์ไม่ว่าจะ เป็นดาบ การพิพากษา โรคระบาด หรือการกันดารอาหาร ข้าพระองค์ทั้งหลายจะยืน อยู่ต่อหน้าพระนิเวศนี้ และเฉพาะพระพักตร์พระองค์ (เพราะพระนามของพระองค์ อยู่ในพระนิเวศนี้) และร้องทูลต่อพระองค์ใน ความทุกข์ใจของพวกข้าพระ องค์ แล้วพระองค์จะทรงฟังและ จะทรงช่วยให้รอด’ นี่แน่ะ บัดนี้คนอัมโมน คนโมอับ และคนภูเขาเสอีร์ ซึ่งเป็นพวกที่พระองค์ไม่ ทรงยอมให้คนอิสราเอลบุก รุก เมื่อออกมาจากแผ่นดินอียิ ปต์ อิสราเอลก็หันออกไปโดย ไม่ได้ทำลายพวกเขา ดูสิ เขาทั้งหลายตอบแทนพวกข้า พระองค์ด้วยการมาขับไล่ เราให้ออกจากแผ่นดินกรรม สิทธิ์ของพระองค์ ที่พระองค์ประทานเป็น มรดกแก่พวกข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระ องค์ทั้งหลาย พระองค์จะไม่ทรงพิพากษา พวกเขาหรือ? เพราะว่าพวกข้าพระองค์ไม่ มีฤทธิ์เดชที่จะต่อสู้ คนมากมายนี้ ที่กำลังมาต่อสู้กับข้า พระองค์ทั้งหลาย พวกข้าพระองค์ไม่ทราบว่า จะทำอย่างไร แต่ดวงตาของข้าพระองค์ทั ้งหลายเพ่งมองที่พระองค์” ในระหว่างนั้นคนยูดาห์ทั้ งหมดก็ยืนอยู่เฉพาะพระพั กตร์พระยาห์เวห์พร้อมกับ ภรรยาลูกและเด็กเล็กๆ ของเขา และในท่ามกลางที่ประชุม นั้น พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ เสด็จมาเหนือยาฮาซีเอลบุ ตรเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรเบไนยาห์ ผู้เป็นบุตรเยอีเอล ผู้เป็นบุตรมัทธานิยาห์ เขาเป็นคนเลวีเชื้อสาย ของอาสาฟ และเขาพูดว่า “ยูดาห์ทั้งหมดและบรรดา ชาวเยรูซาเล็ม ทั้งพระราชาเยโฮชาฟัท ขอจงฟัง พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้กั บท่านทั้งหลายว่า ‘อย่ากลัว และอย่าท้อแท้เพราะคนมาก มายเหล่านี้เลย เพราะการรบนั้นไม่ใช่เรื่ องของท่าน แต่เป็นของพระเจ้า พรุ่งนี้เช้าจงลงไปต่อสู ้กับพวกเขา นี่แน่ะ เขาทั้งหลายจะยกขึ้นมา ตามทางขึ้นที่ตำบลศิส พวกท่านจะพบกับพวกเขาที่ ปลายหุบเขาทางด้านหน้า ของถิ่นทุรกันดารเยรูเอล ท่านทั้งหลายไม่ต้องต่อสู ้ในการรบครั้งนี้ โอ ยูดาห์ และเยรูซาเล็ม จงเข้าประจำที่ ยืนนิ่งและมองดูชัยชนะ ของพระยาห์เวห์เพื่อพวกท่ าน’ อย่ากลัวและอย่าท้อแท้ พรุ่งนี้จงออกไปสู้กับ พวกเขาและพระยาห์เวห์จะ สถิตกับท่านทั้งหลาย” แล้วเยโฮชาฟัททรงก้มลง และซบพระพักตร์ของพระองค์ ลงถึงดิน และยูดาห์ทั้งหมดกับชาว เยรูซาเล็มก็กราบลง เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ นมัสการพระองค์ และคนเลวี จากพงศ์พันธุ์โคฮาทและ พงศ์พันธุ์โคราห์ ก็ยืนขึ้นสรรเสริญพระยาห์ เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ด้วยเสียงดังมาก เขาทั้งหลายลุกขึ้นแต่เช้ าและออกไปยังถิ่นทุรกัน ดารเทโคอา และเมื่อเขาออกไป เยโฮชาฟัททรงยืนและตรัส ว่า “ยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ มเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า จงวางใจในพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านทั้งหลาย แล้วท่านจะได้รับความมั่ นคง จงเชื่อบรรดาผู้เผยพระ วจนะของพระองค์ แล้วท่านจะได้รับความ สำเร็จ” และเมื่อพระองค์ทรงปรึก ษากับประชาชนแล้ว พระองค์ทรงแต่งตั้งพวกที่ จะร้องเพลงถวายพระยาห์ เวห์ และสรรเสริญพระองค์ผู้ ทรงไว้ด้วยความบริสุทธิ์ ขณะเมื่อพวกเขาเดินนำหน้ ากองทัพออกไปและร้องว่า “จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะความรักมั่นคงของ พระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์” และเมื่อเขาทั้งหลายเริ่ม ร้องเพลงและสรรเสริญ พระยาห์เวห์ทรงให้มีกอง ซุ่มต่อสู้กับคนอัมโมน คนโมอับ และชาวภูเขาเสอีร์ ซึ่งเข้ามาสู้กับยูดาห์ และพวกเขาก็ถูกตีแตกไป เพราะว่าคนของอัมโมนและ คนโมอับหันไปต่อสู้กับ ชาวภูเขาเสอีร์ และทำลายพวกเขาจนหมดสิ้น และเมื่อเขาทั้งหลายทำ ลายชาวเสอีร์หมดแล้ว พวกเขาก็ช่วยกันทำลายซึ่ งกันและกัน เมื่อยูดาห์ขึ้นไปยังจุด เฝ้ามองในถิ่นทุรกันดาร เขาทั้งหลายมองตรงไปที่ คนมากมายนั้น และ ดูสิ มีแต่ศพนอนอยู่บนแผ่นดิน ไม่มีสักคนเดียวที่รอด ไปได้ เมื่อเยโฮชาฟัทและประชา ชนของพระองค์มาเก็บของริ บจากพวกนั้น เขาทั้งหลายพบข้าวของ จำนวนมากในพวกนั้น ทั้งเสื้อผ้า และของมีค่าต่างๆ ซึ่งพวกเขาเก็บสำหรับตัว เองจนกว่าเขาจะขนไปไม่ ไหว พวกเขาใช้เวลาเก็บของริบ สามวัน เพราะมีมากเหลือเกิน และวันที่สี่เขาทั้งหลาย ชุมนุมกันที่หุบเขาเบรา คาห์ เพราะว่าพวกเขาสรรเสริญ พระยาห์เวห์ที่นั้น เพราะเหตุนี้ เขาจึงเรียกที่นั้นว่าเบ ราคาห์ จนถึงทุกวันนี้ แล้วคนยูดาห์และเยรูซา เล็มทุกคนก็กลับไป โดยมีเยโฮชาฟัททรงนำหน้ า พวกเขากลับไปยังกรุงเยรู ซาเล็มด้วยความชื่นบาน เพราะพระยาห์เวห์ทรงทำให้ พวกเขาเปรมปรีดิ์เย้ยศั ตรูของเขา เขาทั้งหลายมายังกรุงเย รูซาเล็มด้วยพิณใหญ่ พิณเขาคู่และแตร มาถึงพระนิเวศของพระยาห์ เวห์ และความเกรงกลัวพระเจ้า มาอยู่ในอาณาจักรทุกแห่ง ของดินแดนทั้งหลาย เมื่อพวกเขาได้ยินว่าพระ ยาห์เวห์ทรงต่อสู้กับศั ตรูของอิสราเอล อาณาจักรของเยโฮชาฟัทจึ งสงบ เพราะว่าพระเจ้าของพระ องค์ประทานให้พระองค์มี การพักสงบอยู่รอบด้าน
สรุป (2 พงศาวดาร 20:20-24, 30 THSV11) เขาทั้งหลายลุกขึ้นแต่เช้ าและออกไปยังถิ่นทุรกัน ดารเทโคอา และเมื่อเขาออกไป เยโฮชาฟัททรงยืนและตรัส ว่า “ยูดาห์และชาวเยรูซาเล็ มเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า จงวางใจในพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านทั้งหลาย แล้วท่านจะได้รับความมั่ นคง จงเชื่อบรรดาผู้เผยพระ วจนะของพระองค์ แล้วท่านจะได้รับความ สำเร็จ” และเมื่อพระองค์ทรงปรึก ษากับประชาชนแล้ว พระองค์ทรงแต่งตั้งพวกที่ จะร้องเพลงถวายพระยาห์ เวห์ และสรรเสริญพระองค์ผู้ ทรงไว้ด้วยความบริสุทธิ์ ขณะเมื่อพวกเขาเดินนำหน้ ากองทัพออกไปและร้องว่า “จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะความรักมั่นคงของ พระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์” และเมื่อเขาทั้งหลายเริ่ม ร้องเพลงและสรรเสริญ พระยาห์เวห์ทรงให้มีกอง ซุ่มต่อสู้กับคนอัมโมน คนโมอับ และชาวภูเขาเสอีร์ ซึ่งเข้ามาสู้กับยูดาห์ และพวกเขาก็ถูกตีแตกไป เพราะว่าคนของอัมโมนและ คนโมอับหันไปต่อสู้กับ ชาวภูเขาเสอีร์ และทำลายพวกเขาจนหมดสิ้น และเมื่อเขาทั้งหลายทำ ลายชาวเสอีร์หมดแล้ว พวกเขาก็ช่วยกันทำลายซึ่ งกันและกัน เมื่อยูดาห์ขึ้นไปยังจุด เฝ้ามองในถิ่นทุรกันดาร เขาทั้งหลายมองตรงไปที่ คนมากมายนั้น และ ดูสิ มีแต่ศพนอนอยู่บนแผ่นดิน ไม่มีสักคนเดียวที่รอด ไปได้ อาณาจักรของเยโฮชาฟัทจึ งสงบ เพราะว่าพระเจ้าของพระ องค์ประทานให้พระองค์มี การพักสงบอยู่รอบด้าน
(โรม 12:1 THSV11) ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณา ของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้ งหลายให้ถวายตัวของท่าน แด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอัน บริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระ เจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิ ญญาณจิตของท่าน
(สดุดี 150:1-6 THSV11) สรรเสริญพระยาห์เวห์ จงสรรเสริญพระเจ้าในสถาน นมัสการของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์ในพื้น ฟ้าอันอานุภาพของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์ เพราะกิจการอันทรงอานุ ภาพของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์ ตามความยิ่งใหญ่ที่สุด ของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสี ยงแตร จงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิ ณเขาคู่และพิณใหญ่ จงสรรเสริญพระองค์ด้วยรำ มะนา และการเต้นรำ จงสรรเสริญพระองค์ด้วย เครื่องสายและปี่ จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสี ยงฉิ่ง จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสี ยงฉาบ จงให้ทุกสิ่งที่หายใจ สรรเสริญพระยาห์เวห์ สรรเสริญพระยาห์เวห์
(ฮีบรู 10:25 THSV11) อย่าขาดการประชุมเหมือน อย่างบางคนทำเป็นนิสัย แต่จงหนุนใจกันให้มากยิ่ งขึ้น เพราะพวกท่านก็รู้อยู่ว่ าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว
(สดุดี 135:15-18 THSV11) รูปเคารพของบรรดาประชา ชาติเป็นเงินและทองคำ เป็นผลงานของมือมนุษย์ รูปเหล่านั้นมีปาก แต่พูดไม่ได้ มีตา แต่ดูไม่ได้ มีหู แต่ฟังไม่ได้ ทั้งไม่มีลมหายใจในปาก ของรูปเหล่านั้น ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะ เป็นเหมือนรูปเหล่านั้น ทุกคนที่วางใจในรูปเหล่ านั้นก็เช่นกัน
(ยอห์น 4:23, 24 THSV11)แต่วาระนั้นใกล้เข้ ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อคนที่นมัสการอย่ างแท้จริงจะนมัสการพระบิ ดาด้วยจิตวิญญาณและความ จริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวง หาคนเช่นนั้นมานมัสการ พระองค์ พระเจ้าเป็นพระวิญญาณ และคนที่นมัสการพระองค์ จะต้องนมัสการด้วยจิตวิญ ญาณและความจริง”
(วิวรณ์ 19:1-8 THSV11) หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้ยิ นเสียงเหมือนกับเสียงของ มหาชนที่ดังสนั่นอยู่ใน สวรรค์ กล่าวว่า “ฮาเลลูยา ความรอด พระสิริ และฤทธานุภาพเป็นของพระ เจ้าของเรา เพราะการพิพากษาของพระ องค์เที่ยงตรงและยุติธรรม พระองค์ทรงพิพากษาหญิง แพศยาตัวเอ้ ผู้ทำให้แผ่นดินโลกเสื่ อมทรามด้วยการล่วงประเวณี ของนาง และพระองค์ทรงแก้แค้นหญิ งคนนั้น ในเรื่องโลหิตของบรรดาผู้ รับใช้ของพระองค์ ” คนเหล่านั้นร้องอีกเป็น ครั้งที่สองว่า “ฮาเลลูยา ควันไฟของนครนั้นพลุ่งขึ้ นตลอดไปเป็นนิตย์ ” และพวกผู้อาวุโสทั้งยี่สิ บสี่คนกับสิ่งมีชีวิตทั้ งสี่ ก็ทรุดตัวลงนมัสการพระ เจ้าผู้ประทับบนพระที่นั ่ง และร้องว่า “อาเมน ฮาเลลูยา” และมีเสียงออกมาจากพระที ่นั่งว่า “ผู้รับใช้ทุกคนของพระ เจ้า และบรรดาคนที่เกรงกลัว พระองค์ ทั้งคนเล็กน้อยและคนใหญ่ โต จงสรรเสริญพระเจ้าของเรา” แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียง เหมือนอย่างเสียงมหาชน เหมือนอย่างเสียงน้ำมาก หลาย และเหมือนอย่างเสียงฟ้าร้ องกึกก้องว่า “ฮาเลลูยา เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงครอบครองอยู่ คือพระเจ้าของเราผู้ทรง ฤทธานุภาพสูงสุด ขอให้เรายินดีและเปรมปรี ดิ์ และถวายพระเกียรติแด่พระ องค์ เพราะงานอภิเษกสมรสของพระ เมษโปดกมาถึงแล้ว และเจ้าสาวของพระองค์ก็ เตรียมตัวพร้อมแล้ว และโปรดให้เจ้าสาวสวมใส่ ผ้าป่านเนื้อละเอียด มันระยับและสะอาด เพราะว่าผ้าป่านเนื้อละ เอียดนั้นคือการประพฤติอั นชอบธรรมของธรรมิกชน”
(สดุดี 117:1, 2 THSV11) ประชาชาติทั้งสิ้นเอ๋ย จงสรรเสริญพระยาห์เวห์เถิ ด ชนชาติทั้งปวงเอ๋ย จงยกย่องพระองค์เถิด เพราะความรักมั่นคงของ พระองค์ที่มีต่อพวกเรานั ้นใหญ่ยิ่งนัก และความซื่อสัตย์ของพระ ยาห์เวห์ดำรงเป็นนิตย์ สรรเสริญพระยาห์เวห์
พระวิญญาณช่วย
(1 โครินธ์ 6:17 THSV11)แต่คนที่ผูกพั นกับองค์พระผู้เป็นเจ้า ก็เป็นจิตวิญญาณเดียวกับ พระองค์
(ยอห์น 4:24 THSV11) พระเจ้าเป็นพระวิญญาณ และคนที่นมัสการพระองค์ จะต้องนมัสการด้วยจิตวิญ ญาณและความจริง”
(สดุดี 29:1, 2 THSV11) บรรดาบุตรของพระเจ้าเอ๋ย จงถวายแด่พระยาห์เวห์เถิ ด จงถวายพระเกียรติและพระ กำลังแด่พระยาห์เวห์ จงถวายพระเกียรติซึ่งควร แก่พระนามของพระองค์แด่ พระยาห์เวห์ จงนมัสการพระยาห์เวห์ผู้ ทรงงดงามในความบริสุทธิ์
(สดุดี 115:8 THSV11) ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะ เป็นเหมือนรูปเหล่านั้น ทุกคนที่วางใจในรูปเหล่ านั้นก็เช่นกัน
กิจกรรมเดียวที่ทำบนสวรรค์
(วิวรณ์ 4:10, 11 THSV11) ผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่ท่ านก็ทรุดตัวลงเฉพาะพระพั กตร์พระองค์ผู้ประทับบน พระที่นั่งนั้น และนมัสการพระองค์ผู้ทรง พระชนม์อยู่ตลอดไปเป็นนิ ตย์ และถอดมงกุฎออกวางตรงหน้ าพระที่นั่งร้องว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าและ พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้ งหลาย พระองค์ทรงสมควรที่จะได้ รับพระสิริ พระเกียรติและฤทธานุภาพ เพราะว่าพระองค์ทรงสร้าง สรรพสิ่ง และสรรพสิ่งก็ดำรงอยู่ และถูกสร้างขึ้นตามพระ ประสงค์ของพระองค์”
(วิวรณ์ 5:11-14 THSV11) แล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็น และได้ยินเสียงของทูต สวรรค์มากมายนับจำนวนเป็ นแสนๆ เป็นล้านๆ ที่อยู่รอบพระที่นั่ง รอบพวกสิ่งมีชีวิต และรอบบรรดาผู้อาวุโส ร้องเสียงดังว่า “พระเมษโปดกผู้ถูกปลง พระชนม์แล้วนั้นทรงสมควร ได้รับ ฤทธานุภาพ ทรัพย์สมบัติ พระปัญญา พระกำลัง พระเกียรติ พระสิริ และคำสดุดี” แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียง สิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมด ทั้งในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก ใต้แผ่นดินโลก ในมหาสมุทร และทุกสิ่งซึ่งอยู่ในที่ เหล่านั้น ร้องว่า “ขอให้คำสดุดี พระเกียรติ พระสิริและอานุภาพ จงมีแด่พระองค์ผู้ประทั บบนพระที่นั่งและแด่พระ เมษโปดก ตลอดไปเป็นนิตย์” และสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้ นก็ร้องว่า “อาเมน” และบรรดาผู้อาวุโสก็ทรุด ตัวลงและนมัสการ
(วิวรณ์ 22:8, 9 THSV11) ข้าพเจ้าคือยอห์น เป็นผู้ที่ได้ยินและได้ เห็นเหตุการณ์เหล่านี้ และเมื่อข้าพเจ้าได้ยิน และได้เห็นแล้ว ข้าพเจ้าก็ทรุดตัวลงนมัส การแทบเท้าทูตสวรรค์ที่ สำแดงสิ่งเหล่านี้แก่ข้าพ เจ้า แต่ท่านกล่าวกับข้าพเจ้า ว่า “อย่าทำแบบนี้ เราเป็นผู้ร่วมรับใช้เช่ นเดียวกับท่านและพวกพี่ น้องของท่าน ซึ่งเป็นพวกผู้เผยพระวจนะ และพวกที่ถือรักษาถ้อยคำ ในหนังสือนี้ จงนมัสการพระเจ้าเถิด”
พระเจ้าสร้างทุกสิ่งมาเพื่อ
(สดุดี 100:1-5 THSV11) แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงโห่ร้องด้วยความชื่น บานถวายแด่พระยาห์เวห์ จงปรนนิบัติพระยาห์เวห์ ด้วยความยินดี จงเข้ามาอยู่เฉพาะพระพั กตร์พระองค์ด้วยการร้อง เพลง จงรู้เถิดว่า พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้ า คือพระองค์เองที่ทรงสร้ างเราทั้งหลาย และเราก็เป็นของพระองค์ เราเป็นประชากรของพระ องค์ เป็นแกะแห่งทุ่งหญ้าของ พระองค์ จงเข้าประตูของพระองค์ด้ วยการขอบพระคุณ และเข้าบริเวณพระนิเวศ ของพระองค์ด้วยการสรรเสริ ญ จงขอบพระคุณพระองค์ จงถวายสาธุการแด่พระนาม ของพระองค์ เพราะพระยาห์เวห์ประเสริฐ ความรักมั่นคงของพระองค์ ดำรงเป็นนิตย์ และความซื่อสัตย์ของพระ องค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติ พันธุ์
สดด. 105:1 จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์ จงร้องออกพระนามพระองค์ จงประกาศบรรดากิจการของพระองค์ แก่ชนชาติทั้งหลาย
สดด. 105:2 จงร้องเพลงถวายพระองค์ ร้องเพลงสดุดีถวายพระองค์ จงเล่าถึงการอัศจรรย์ทั้งสิ้ นของพระองค์
สดด. 105:3 จงสรรเสริญพระนามบริสุทธิ์ ของพระองค์ ให้ใจของบรรดาผู้แสวงหาพระยาห์ เวห์ยินดี
สดด. 105:4 จงแสวงหาพระยาห์เวห์ และพระกำลังของพระองค์ แสวงหาพระพักตร์ของพระองค์เสมอ
สดด. 105:5 จงระลึกถึงการอัศจรรย์ซึ่ งพระองค์ทรงกระทำ หมายสำคัญและคำพิ พากษาจากพระโอษฐ์ของพระองค์
สดด. 105:6 โอ พงศ์พันธุ์ของอับราฮัมผู้รับใช้ ของพระองค์ ลูกหลานของยาโคบ บรรดาผู้ที่พระองค์ทรงเลือกสรร
สดด. 105:7 พระองค์คือพระยาห์เวห์พระเจ้ าของเรา คำพิพากษาของพระองค์อยู่ทั่วทั้ งแผ่นดินโลก
สดด. 105:8 พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสั ญญาของพระองค์อยู่เป็นนิตย์ คือพระวจนะที่พระองค์ทรงบั ญชาไว้ตลอดหนึ่งพันชั่วอายุคน
สดด. 105:9 คือพันธสัญญาซึ่งทรงทำไว้กับอั บราฮัม และคำปฏิญาณที่ทรงให้ไว้แก่อิ สอัค
สดด. 105:10 ซึ่งพระองค์ทรงยืนยันอีกกั บยาโคบให้เป็นกฎเกณฑ์ กับอิสราเอล ให้เป็นพันธสัญญานิรันดร์
สดด. 105:11 ว่า “เราจะให้แผ่นดินคานาอันแก่เจ้ า” เป็นส่วนมรดกของเจ้าทั้งหลาย
สดด. 105:12 เมื่อพวกเขายังเป็นแต่คนจำนวนน้ อย แค่หยิบมือ ยังเป็นแต่คนต่างด้าวในที่นั้น
สดด. 105:13 พเนจรไปจากประชาชาตินี้ถึ งประชาชาตินั้น จากราชอาณาจักรนี้ถึงอีกชนชาติ หนึ่ง
สดด. 105:14 พระองค์มิทรงยอมให้ผู้ใดบีบบั งคับเขา พระองค์ทรงตักเตื อนบรรดาพระราชาด้วยเห็นแก่ พวกเขาว่า
สดด. 105:15 “อย่าแตะต้องผู้ที่เราเจิมไว้ อย่าทำอันตรายผู้ เผยพระวจนะของเรา”
สดด. 105:16 เมื่อพระองค์ทรงเรียกการกั นดารอาหารให้เกิดขึ้นในแผ่นดิน พระองค์ทรงทำลายอาหารทั้งหมด
สดด. 105:17 พระองค์ทรงใช้ชายคนหนึ่งไปข้ างหน้าพวกเขา คือโยเซฟผู้ถูกขายไปเป็นทาส
สดด. 105:18 พวกเขาทำให้เท้าทั้งคู่ ของเขาเจ็บด้วยตรวน คอของเขาเข้าอยู่ในปลอกเหล็ก
สดด. 105:19 จนกว่าสิ่งที่เขากล่าวได้เกิดขึ ้นจริง พระดำรัสของพระยาห์เวห์พิสูจน์ ว่าเขาถูก
สดด. 105:20 พระราชาก็ทรงใช้ให้ไปปล่อยตั วเขา ผู้ปกครองของชนชาติทั้งหลายได้ ปล่อยเขาเป็นอิสระ
สดด. 105:21 พระราชาทรงตั้งเขาให้เป็นเจ้ านายเหนือวังของพระองค์ เป็นผู้ปกครองกรรมสิทธิ์ทั้งสิ้ นของพระองค์
สดด. 105:22 ให้บังคับบัญชาข้ าราชการของพระองค์ตามชอบใจ และสอนสติปัญญาแก่ผู้อาวุ โสของพระองค์
สดด. 105:23 แล้วอิสราเอลได้มาที่อียิปต์ ยาโคบได้อาศัยอยู่ในแผ่นดิ นของฮาม
สดด. 105:24 และพระเจ้าทรงทำให้ ประชากรของพระองค์มีลูกดก และทรงทำให้พวกเขาแข็งแรงกว่าคู ่อริ
สดด. 105:25 พระองค์ทรงหันใจเขาเหล่านั้นให้ เกลียดประชากรของพระองค์ ให้ใช้กลอุบายแก่บรรดาผู้รับใช้ ของพระองค์
สดด. 105:26 พระองค์ทรงใช้โมเสสผู้รับใช้ ของพระองค์ และอาโรนผู้ที่พระองค์ทรงเลื อกไว้
สดด. 105:27 เขาทั้งสองทำหมายสำคั ญของพระองค์ท่ามกลางคนเหล่านั้น ทำการอัศจรรย์ในแผ่นดินของฮาม
สดด. 105:28 พระองค์ทรงใช้ความมืดมาทำให้แผ่ นดินมืด เขาทั้งหลายมิได้กบฏต่ อพระวจนะของพระองค์
สดด. 105:29 พระองค์ทรงทำให้น้ำกลายเป็นเลื อด และให้ปลาของพวกเขาตาย
สดด. 105:30 แผ่นดินของพวกเขาเต็มไปด้วยกบ แม้แต่ในห้องบรรทมพระราชาของเขา
สดด. 105:31 พระองค์ตรัส แล้วฝูงเหลือบก็มา และริ้นมีไปทั่วเขตแดนของพวกเขา
สดด. 105:32 พระองค์ประทานลูกเห็บแทนฝนแก่ พวกเขา และฟ้าผ่าในแผ่นดินของพวกเขา
สดด. 105:33 พระองค์ทรงตีเถาองุ่นและต้ นมะเดื่อของพวกเขา และทรงฟาดต้นไม้ ในเขตแดนของพวกเขาแหลกไป
สดด. 105:34 พระองค์ตรัส แล้วตั๊กแตนวัยบินก็มา และตั๊กแตนวัยกระโดดมานับไม่ถ้ วน
สดด. 105:35 มากินพืชในแผ่นดินของพวกเขาหมด และกินผลแห่งดินของพวกเขาสิ้น
สดด. 105:36 พระองค์ทรงสังหารบุตรหัวปีในแผ่ นดินของพวกเขา คือผลแรกแห่งกำลังทั้งสิ้ นของพวกเขา
สดด. 105:37 แล้วพระองค์ทรงนำอิสราเอลออกไป พร้อมกับเงินและทองคำ และไม่มีสักคนหนึ่งในเผ่ าของพระองค์สะดุด
สดด. 105:38 เมื่อเขาทั้งหลายจากไป อียิปต์ก็ยินดี เพราะอียิปต์หวาดกลัวอิสราเอล
สดด. 105:39 พระองค์ทรงกางเมฆเป็นเครื่ องกำบัง และไฟให้ความสว่างเวลากลางคืน
สดด. 105:40 เขาทั้งหลายร้องขอ แล้วพระองค์ทรงนำนกคุ่มมา และทรงให้พวกเขาอิ่มด้ วยอาหารจากฟ้า
สดด. 105:41 พระองค์ทรงเปิดหิน แล้วน้ำก็ไหลออกมา มันไหลไปเป็นแม่น้ำในที่แห้งแล้ ง
สดด. 105:42 เพราะพระองค์ทรงระลึกถึงพระสั ญญาบริสุทธิ์ของพระองค์ และอับราฮัมผู้รับใช้ของพระองค์
สดด. 105:43 พระองค์จึ งทรงนำประชากรของพระองค์ออกมาด้ วยความชื่นบาน ทรงนำผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้นั้ นด้วยการร้องเพลง
สดด. 105:44 และพระองค์ประทานแผ่นดิ นของบรรดาประชาชาติแก่เขา และพวกเขาได้ผลแห่ งแรงงานของชาวประเทศทั้งหลายเป็ นกรรมสิทธิ์
สดด. 105:45 เพื่อพวกเขาจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ของพระองค์ และรักษาธรรมบัญญัติของพระองค์ สรรเสริญพระยาห์เวห์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น